"บันทึกสถิติการเดินทางด้วยเรือคยัคที่ไกลที่สุดในเมืองไทย กับทีม Saraburi Canoe Club 6 เดือนกับการรอนแรมเิดินทางในแม่น้ำในเมืองไทย 5,000 กม. พร้อมอาสาสมัครนักคยัคจากทั่วประเทศ ร่วมติดตามและเป็นส่วนหนึ่งของสุดยอดการผจญภัยในเมืองไทย"

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

16 ม.ค. เริ่มต้นค้นหาจุดลงเรือ



แม่น้ำปิงระยะทางรวม 680 กม.จุดเริ่มต้นอยู่ที่เทือกเขาแดนลาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ บนเส้นทางของลำน้ำปิงช่วงบนลำน้ำไม่ใหญ่มาก ไหลลัดเลาะตามโตรกเขา ออกสู่ที่ราบของแอ่งเชียงใหม่หลังจากนั้นก็จะไหลลัดเลาะลงทางใต้ เข้าสู่ทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งเป็นช่วงบนของเขื่อนภูมิพล ระยะทางในการผ่านอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลมีระยะทาง 150 กม. ไหลมารวมกับน้ำวัง บริเวณบ้านแม่สลิด จ.ตาก ไหลเรื่อยมาผ่าน จ.ตาก กำแพงเพชร และรวกกับ ยม น่าน ที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ บนเส้นทางที่ผ่านจะพบหลักฐานและเืมืองโบราณ อาณาจักรสำคัญ ๆ หลายอาณาจักร และพบแหล่งโบราณคดีที่สัมพันธ์กับตำนานโบราณต่าง ๆ มากมาย
การกำหนดเส้นทางการสำรวจการเดินทางโดยใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมใน Google Earth แล้วนับว่าสะดวกมาก ๆ ในการกำหนดจุด บางพื้นที่เราพอมองเห็นสภาพภูมิประเทศโดยคร่าว ๆ ว่าช่วงไหนเราจะต้องผ่านอะไร และสภาพลำน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ที่เหลือก็เพียงขึ้นไปดูสถานที่จริงว่าตรงกับที่เราเห็นหรือไม่
จุดแรกที่เราขึ้นไปดูเป็นลำน้ำปิง บริเวณบ้าน ปิงโค้ง กม. 83 เป็นสะพานเก่า สร้างมาตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2485 นับว่าเก่าทีเดียว
ด้านล่างสะพานเป็นลำน้ำปิง ซึ่งไม่ค่อยใหญ่มาก ความลึกก็ถือว่าไม่มากนักบางช่วงเราอาจจะต้องถึงกับลากเรือซะด้วยซ้ำ นี่ขนาดยังไม่ถึงช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงในอีกสองสามเดือนข้างหน้า นับว่าภูมิอากาศของบ้านเราเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า ในเมื่อเมืองไทยเป็นเกษตรกรรม มีพื้นที่เพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าซักวันหนึ่งพวกเรายังบุกรุกทำลายป่าไม้ ทำลายต้นน้ำลำธาร หรือแม้กระทั่งไม่ใส่ใจที่จะช่วยกันปลูกต้นไม้ ซักวันหนึ่งแม่น้ำลำคลองทั่วประเทศไทยคงแห้งขอด แล้วพวกเราจะอยู่กันได้อย่างไร ดูจากแนวโน้มแล้วสิ่งเหล่านี้มันเป็นไปได้มากซะด้วยสิ
เรามีสองทางเลือกสำหรับการเริ่มต้นล่องแม่น้ำปิง พวกเราเริ่มต้นกันที่นี่ กับอีกทางเลือกพวกเราจะต้องขนเรือขึ้นไปทางต้นน้ำมากกว่านี้ ขึ้นไปทางขุนแม่ปิงแถบชายแดน ไทย-พม่า สูงขึ้นกว่าจุดที่พวกเราอยู่อีกประมาณ 20-30 กม. แถว ๆ บ้านเมืองนะ น่าจะมีจุดที่เรือของพวกเราสามารถล่องลงมาได้ แต่ผมไม่แน่ใจอีกหนึ่งเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า ประดับน้ำที่เราเห็นในวันนี้จะลดลงไปอีกรึเปล่าซึ่งมันมีความเป็นไปได้
สูงมากที่ระดับน้ำน่าจะลดต่ำกว่านี้ เอาไว้คราวหน้าเรามาเสี่ยงดวงกันอีกทีละกันครับ เด๋ววันพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปดูจุดล่องของ น้ำวัง น้ำยม น้ำน่าน และแม่น้ำป่าสักกันครับ

sponsor by

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

แรงบันดาลใจในการเดินทาง


ถ้าถามผมว่าทำไมถึงตัดสินใจที่จะเดินทางสำรวจแม่น้ำทั่วประเทศ ผมพยายามนั่งคิดหาเหตุผลและคำตอบสำหรับคำถามนี้แต่่ เชื่อหรือไม่ครับว่าไม่ว่าจะหาเหตุผลเท่าไหร่ผมก็หาเหตุผลที่ดีไม่ได้ซักที ถ้าต้องการคำตอบจริง ๆ ก็คงตอบสั้น ๆ ว่า"ไม่มีเหตุผลครับ เพราะทุกอย่างมันจากจากแรงบันดาลใจจากลึก ๆ ข้างในไม่มีอะไรมากกว่านั้น"
ที่จริงการสำรวจแม่น้ำผมคิดเอาไว้นานมากแล้วตั้งแต่เิริ่มทำ เวป www.hyperventure.com ว่าซักวันหนึ่งผมคงมีโอกาสได้ออกผจญภัยเดินทางด้วยเรือคยัคไปดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนริมน้ำ เพราะเคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนไว้นานมาก เป็นของฝรั่งคนหนึ่งที่เดินทางจากต้นน้ำปิงมาออกอ่าวไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ได้แต่ถามตัวเองว่าจะมีหรือไม่ ที่จะมีคนไทยมีแรงบันดาลใจในการเดินทางอย่างนี้ ผมพอที่จะทำได้หรือไม่
จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ปี2007 ตอนที่อยู่ที่เอเวอร์เรสต์เบสแค้มป์ ช่วงพักก่อน Summit day ผมเจอฝรั่งคนหนึ่งพูดไทยชัดมาก คุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน เขาแนะนำว่าเขาชื่อ Steve Van Beek แทบไม่น่าเชื่อ ผมได้เจอคนเขียนหนังสือ "Thailand Reflected in a River" ซึ่งเป็นหนังสือที่ผมเคยเห็น ผมได้พูดคุยกับเขาหลายเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางทั้งของเขาและของผมมากมาย เราได้่ถ่ายภาพร่วมกันรวม วันนั้นพวกเรารู้ว่าเป็นช่วงวันเกิดของลูกชายของเขา พวกเราจึงถ่ายภาพพร้อมชูป้ายชื่อของลูกชายเขา เป็นการอวยพรวันเกิดให้ลูกชายของเขา คุณ Steve บอกว่าเขาจะส่งภาพถ่ายนี้กลับไปให้ลูกชาย เขาน่าจะดีใจมากที่ทีมปีนเอเวอร์เรสต์ของประเทศไทยอวยพรวันเกิดให้เขา
หลังจากพูดคุยกับคุณ steve ในวันนั้น ผมก็เริ่มนึกถึงการเดินทางสำรวจแม่น้ำในเมืองไทยที่ผมเคยฝันไว้ คุณ Steve บอกว่าเขาอยากกลับไปดูเส้นทางที่เขาเคยล่องมาอีกครั้ง ซึ่งน่าจะดีถ้ามีคุณ Steve ร่วมทางไปพายเรือด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าแม่น้ำตลอด 30 ปีที่ผ่านมาและวิึถีีชีวิต ธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
หลังจากกลับมาจากปีนเขา แต่ด้วยภารกิจหลาย ๆ อย่างทำให้ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้ทำตามสิ่งที่ผมฝันไว้ ผมได้แต่ทำงาน ทำงานและทำงาน สองปีถัดมาหลังจากที่ทุก ๆ อย่างเริ่มเข้าที่และผมเริ่มมีเวลาว่าง ผมตัดสินใจว่าถ้าวันนี้เราไม่ได้เริ่มทำ อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกเลย ดังนั้นพวกเราเริ่มวางแผนงานต่าง ๆ เกี่ยวกับเส้นทางต่าง ๆ
แผนเดิมที่วางไว้ตั้งแต่แรกเราต้องการสำรวจแม่น้ำทั่วประเทศ แต่ดูเหมือนงานจะใหญ่กว่าที่คิด ผมก็เลยเลือกเอาแม่น้ำที่สำคัญที่ถือว่าเป็นเส้นเลือดของประเทศไทย คือลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขาขึ้นมาเป็นอันดับแรก
หลังจากเสร็จโครงการแรกแล้วเราค่อยขยายไปสำรวจในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ถ้าเรามีผู้สนับสนุนในการเดินทางที่มากพอ เส้นทางในโครงการแรกกำหนดไว้มีความยาวประมาณ 4,000 กิโลเมตร ซึ่งคงใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนในแม่น้ำกว่าเราจะจบเส้นทางตามที่วางแผนไว้
ผมนำโครงการนี้ไปคุยกับ คุณปกป้อง เขียวหวาน ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท Joy Sport ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนเรื่องเรือและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเดินทาง นับว่าอุปสรรคอันแรกของเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราหวังว่าจะมีคนสนใจเดินทางร่วมไปกับพวกเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพวกเราจะพยายามถ่ายทอดความสวยงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คน น้ำใจมากมายที่พวกเราได้รับ ส่งไปให้ทุก ๆ คนได้รับรู้ ว่านี่คือประเทศไทย นี่คืออาณาจักรไทย นี่คือแม่น้ำที่เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเราทุกคน เหมือนที่คุณ Steve ได้รับความประทับใจเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
พวกเราหวังว่าสิ่งที่เรากำลังทำ จะเป็นสื่อกลางที่จะบอกคนไทยทุก ๆ คน ได้รู้จักแม่น้ำของเขาดียิ่งขึ้น และช่วยกันรักษาแม่น้ำของเราให้คงอยู่ให้ลูกหลานของเราตราบนานเท่านาน
ยังมีงานอีกหลายอย่างที่พวกเราจะต้องทำ ต้องเตรียมตัว เตรียมทีม เตรียมแผนงานต่าง ๆ การบันทึกภาพรวมไปถึงการหาผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง นับว่าเป็นงานที่หนักเอาการ แต่ผมเชื่อมั่นว่าเราจะต้องข้ามอุปสรรคและข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ไปได้แน่นอน

sponsor by

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

THAILAND RIVERS EXPEDITION PROJECT 2010


Thailand Rivers Expedition Project 2010

“RIVERS OF THE KINGDOM”

ความเป็นมาของโครงการ

ถ้าหากเราพูดถึงแม่น้ำในเมืองไทย ทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก แต่ถ้าจะถามลึกลงไปอีกว่า แม่น้ำของประเทศของเราเป็นอย่างไร แม้แต่แม่น้ำที่อยู่ในพื้นที่ใกล้บ้านของเราเองเรากับให้ความสนใจกันน้อยไปด้วยซ้ำ บางคนอาจเห็นแม่น้ำแค่ช่วงสั้น ๆ บริเวณที่เราอาจจะเคยขับรถผ่านตอนไปทำงานหรือขับกลับบ้าน

บางครั้งในบางพื้นที่ บางแง่มุม อาจเป็นที่ซุกซ่อนความสวยงามของวิถีชีวิตความเชื่อ หรือความสวยงามตามธรรมชาติเอาไว้ ซึ่งยากนักที่คนทั่วไปจะได้รู้และได้เห็น บางแม่น้ำอาจจะเสื่อมโทรมจนแทบสูญหายเหลือเพียงก้นแม่น้ำแห้ง ๆ หรือดอนทรายที่อยู่ก้นแม่น้ำ

การเดินทางค้นหา และทำความรู้จักกับแม่น้ำในเมืองไทยจึงเกิดขึ้น จากแรงบันดาลใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ เราเชื่อว่ายังมีสิ่งที่สวยงามยังซุกซ่อนและรอพวกเราเข้าไปทำความรู้จัก และนำสิ่งเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน

เพราะแม่น้ำเปรียบเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงคนไทยมาตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน การใช้ชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำล้วนมีมิติความสัมพันธ์กันอย่าแนบแน่นกับวิถีชีวิต ไม่ว่าตั้งแต่เกิดมา เติบโต ทำมาหากิน แหล่งอาชีพ แหล่งอาหาร รวมไปถึงพิธีกรรมในวันสุดท้ายของชีวิต

ทั้งมิติทางวัฒนธรรมในแต่ละเชื้อชาติ กลุ่มชน ชาติพันธ์ วัฒนธรรมวิถีชีวิตของผู้คนตลอดริมฝั่งน้ำมีมิติความหลายหลายเรียงร้อยกัน อย่างสอดคล้องกลมกลืน

หลังจากการพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการขนส่งบนท้องถนน ยิ่งทำให้เราค่อย ๆ ถอยห่างออกจากวิถีชีวิตที่อาศัยสายน้ำเป็นเส้นเลือดหลัก การพึ่งพาและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างแนบแน่นและพึ่งพา ทำให้เราอาจหลงลืมและละทิ้งรากเหง้าของเราไว้ เป็นเพียงดังเช่น รอยเท้าที่เดินจากมา

แม่น้ำในแต่ละพื้นทีลดบทบาทความสำคัญ ทางด้านเศรษฐกิจ ดูเหมือนว่าแม่น้ำจะค่อย ๆ ถอยห่างจากความสำคัญที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้กับวิถีชีวิตของเรากลับแยกกันไม่ออก

บางครั้งอาจทำให้คนเราหลงลืมรากเง้า วิถีชีวิต ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรที่เคยมี ความผูกพันกับในธรรมชาติที่มีมายาวนาน ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ว่าเคยเอื้ออาทรกันอย่างไร

บางครั้งการกลับไปค้นหาอดีตของเรามันอาจเป็นทางรอดเดียวที่จะสามารถทำให้เราสามารถมองเห็นจุดตรงกลางที่ทำให้ ธรรมชาติกับมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคต เหมือนเช่นอดีตที่เคยผ่านมาได้

เราหวังว่าในการเดินทางเราคงได้รับรู้ซึมซับ และส่งมอบความรู้สึกดี ๆ ที่พวกเราได้รับมาจากการเดินทางให้ทุก ๆ คนได้รู้ รวมไปถึงการบอกให้ทุกคนได้ช่วยกันดูแล และตระหนักถึงการดูแลแม่น้ำของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะหมายถึง การดูแลตัวเองและอนาคตของลูกหลานของเรา


วัตถุประสงค์

1. เพื่อบันทึกสถิติการเดินทางด้วยเรือคยัคที่ไกลที่สุดในเมืองไทย บนเส้นทางกว่า 4,000 กม.บนลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขา

2. เพื่อสำรวจธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิต วัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขา ตั้งแต่ต้นน้ำมาจนถึงอ่าวไทย อาทิ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยา

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. ได้ทราบสถาณการณ์ ข้อมูล วิถีชีวิต แหล่งท่องเที่ยวในแง่มุมต่าง ๆ ของแม่น้ำในประเทศไทย

2. ทำให้คนทั่วไปเกิดความตะหนักในความสำคัญของเม่น้ำและช่วยกันรักษา

3. ทำให้เยาวชนเห็นตัวอย่าง มีแรงบันดาลใจในการทำประโยชน์เพื่อสังคม

ระยะเวลาการดำเนินงาน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม เป็นเวลา 6 เดือน


การประชาสัมพันธ์และการติดตามการสำรวจในโครงการ

การประชาสัมพันธ์ผ่านเวปไซด์ และ เวป Blog รวมไปถึงภาพถ่าย วีดีโอบันทึกการสำรวจ

http://thailandriverexpedition2010/blogspot.com

การเขียนสกู๊ปลงในหนังสือนิตยสาร อาทิ Nature explorer, NG ,สารคดี ฯลฯ

รายการสกู๊ปข่าว อาทิ ร่วมมือร่วมใจ ฯลฯ


การดำเนินโครงการ

1. ช่วงเดือนมกราคมเป็นช่วงการเตรียมงาน

2. การพายเรือสำรวจแม่น้ำจากต้นน้ำแต่ละสาย ระหว่างเส้นทางมีการแวะพักตั้งแค้มป์ และขึ้นบกถ่ายภาพ สำรวจแหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิตริมน้ำ วัฒนธรรม ประเพณีตลอดสองข้างทาง

3. เสร็จสิ้นการเดินทางในแต่ละวันจะมีการบันทึกการเดินทาง และอัพเดทข้อมูล การเดินทางถึงจุดใดบ้าง ลงภาพ วีดีโอลงในบล็อก http://thailandriverexpedition2010.blogspot.com

4. ระหว่างการเดินทางในแต่ละวัน ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางได้โดยเข้าไปดูตำแหน่งการเดินทางในแต่ละวัน รวมไปถึงจุดที่น่าสนใจบนสองฝั่งแม่น้ำ จะทำให้ผู้ที่สนใจเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินทาง

5. สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางและมีเรืออยู่แล้ว สามารถร่วมพายเรือกับทีมสำรวจ ในช่วงสั้น ๆ ตามสะดวกโดยสามารถวางแผนการเดินทางได้จากแผนที่ที่อัพเดทในแต่ละวันใน Google map

6. หลังจากจบแม่น้ำแรกเรือจะถูกขนไปลงต้นน้ำในแม่น้ำต่อไปทางรถยนต์ โดยเว้นช่วงประมาณ 7 วันเพื่อพักผ่อนร่างกายก่อนพายต่อในแม่น้ำถัดไป


แม่น้ำใดบ้างที่พวกเราจะสำรวจช่วงแรกของโครงการ ?

ในเป้าหมายโครงการทั้งหมด 29 ลำน้ำทั่วประเทศ เปิดโครงการแรกเพื่อนำร่องโดยเลือกแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับต้น ๆ คือแม่น้ำในภาคเหนือและภาคกลาง ก็คือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก รวมใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 6 เดือน

แม่น้ำทั้งหมดในการดำเนินโครงการช่วงแรกมี 7 แม่น้ำดังนี้

1. แม่น้ำป่าสัก ระยะทางประมาณ 700 km ต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาเพชรบูรณ์ 1 อ.ด่านซ้าย จ.เลย ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.อยุธยา ใช้ระยะเวลาในการพายเรือสำรวจประมาณ 20-30 วัน

2. แม่น้ำวัง ระยะทางประมาณ 430 km มีต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาผีปันน้ำ ในเขต อ.พาน จ.เชียงราย และปลายน้ำไหลไปบรรจบกับแม่น้ำปิงบริเวณ อ.บ้านตาก จ.ตาก ใช้ระยะเวลาในการพายเรือสำรวจประมาณ 11-15 วัน

3. แม่น้ำยม ระยะทางประมาณ 773 km. ต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาผีปันน้ำ อ.ปง จ.พะเยา และไหลไปรวมกับแม่น้ำน่าน ที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ใช้เวลาประมาณ 25-35 วัน

4. แม่น้ำน่าน ระยะทางประมาณ 815 km ต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาหลวงพระบาง อ.ปัว จ.น่าน และไหลไปรวมกับแม่น้ำปิง ที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จนทำให้เกิด แม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เวลาประมาณ 25-35 วัน

5. แม่น้ำปิง ระยะทางประมาณ 680 km ต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาแดนลาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และไหลไปรวมกับแม่น้ำน่าน ที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ใช้เวลาประมาณ 20-30 วัน

6. แม่น้ำท่าจีน ระยะทางประมาณ 320 km เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของจังหวัดสมุทรสาคร ต้นแม่น้ำมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม แล้วไหลลงสู่อ่าวไทยที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร ใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน

7. แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 380 km ต้นน้ำอยู่บริเวณที่แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกันที่ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และไหลลงสู่อ่าวไทยบริเวณ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน

รายชื่อทีมงานและนักคยัคในโครงการ

1. หัวหน้าโครงการ นายอนุกูล สอนเอก

2. นักคยัค นายอนุกูล สอนเอก

นางสาวพักตร์ดีสร วงศ์หนองเตย

นายประทีป ขันเพ็ชร

3. ฝ่ายประสานงาน นายสัจจะ เฉลียวใจ

4. ประชาสัมพันธ์โครงการ นางสาวปรางค์ทิพย์ หีบเงิน

sponsor by